Tuesday, March 21, 2017

Dresden จารึกแห่งประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สอง


Credit: www.germany.travel

คลิปด้านบนแสดงให้เห็นถึงสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมืองเดรสเดน  ประเทศเยอรมัน (Dresden, Germany) เป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นไข่มุกแห่งบาร๊อก เนื่องจากประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมเก่าแก่มากมายที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์บาร๊อกเป็นหลัก

ใครจะรู้ว่าครั้งหนึ่งสิ่งก่อสร้างสวยงามเหล่านี้เคยถูกถล่มเป็นซากหักปรักพังมาก่อนในช่วงสมัยปลายสงครามโลกครั้งที่สอง  ในวันแห่งความรักวันวาเลนไทน์ที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945 เป็นวันที่ฝ่ายสัมพันธมิตรได้เปลี่ยนแผนการโจมตีจากเมืองหลวง กรุงเบอร์ลิน เป็น 'เมืองเดรสเดน' ซึ่งผู้ที่ใกล้จะพ่ายแพ้ต่อกองทัพสัมพันธมิตรก็คือ "นาซีเยอรมัน" นั่นเอง ทั้งๆที่เมืองเดรสเดนไม่ได้เป็นเมืองยุทธศาสตร์ทางการรบใดๆ มีเพียงทางรถไฟซึ่งคาดว่าเป็นศูนย์รวมแหล่งคมนาคม และโรงงานผลิตอาวุธที่อยู่นอกตัวเมือง

ตัวเมืองเดรสเดนถูมโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดจำนวนกว่า 4,500 ตัน การโจมตีทั้งหมดสามรอบกินระยะเวลาสองวันบนบริเวณกว่า 34 ตารางกิโลเมตร ระเบิดซึ่งเป็นระเบิดไฟทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้กินพื้นที่อยู่อาศัยในเขตเมืองเก่าทั้งหมด ผู้คนหนีตายกันอย่างอลม่าน เนื่องจากคาดไม่ถึงว่าจะมีการโจมตีนี้เกิดขึ้น ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ความร้อนจากไฟทำให้พื้นถนนละลายไม่สามารถใช้งานได้ เหมือนพายุไฟที่กำลังถล่มเมืองแม้เจ้าหน้าที่พยายามจะดับเพลิงอย่างไรก็ยากที่จะทำ

ตัวเลขผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ระบุอย่างไม่แน่นอนซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงจนถึงปัจจุบัน โดยมีจำนวนแตกต่างกันไปตั้งแต่ 35,000 ถึง 100,000 คน ในจำนวนที่มากที่สุดถูกระบุโดยรายงานฝั่งเยอรมัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของฝ่ายสัมพันธมิตร รวมถึงโซเวียตก็พยายามรายงานเป็นตัวเลขที่สูงเพื่อต้องการทำลายชื่อเสียงฝั่งอังกฤษและอเมริกา แต่จำนวนผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการอ้างอิงจากหลักฐานและพยานที่หลงเหลือมีจำนวน 18,000 ถึง 25,000 คนโดยประมาณ ซึ่งก็ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างแท้จริง



เดรสเดนในปัจจุบันนั้นได้รับการบูรณะกลับมาเกือบจะสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ยังเหลือร่องรอยแห่งการโจมตีในอดีตให้เห็นอยู่ เช่นตัวกำแพงโบสถ์เก่าที่ทิ้งให้คนรุ่นหลังได้เห็น เป็นต้น ในบทความหน้าเราจะนำเสนอความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองเดรสเดน ศิลปะอันสวยงามจะทำให้คุณรู้ว่า ทำไม Dresden ได้รับการยกย่องให้เทียบเท่ากับเมือง Florence ในประเทศอิตาลี

ข้อมูลอ้างอิงและรูป http://www.spiegel.de/ http://www.history.com
http://www.telegraph.co.uk/history/
http://www.russkiymir.ru/en/publications/185353/


Tuesday, January 17, 2017

พาเที่ยว Auschwitz ค่ายกักกันนาซี ประวัติศาสตร์อันโหดร้ายของมนุษยชาติ



แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศโปแลนด์กันบ้างนะคะ ค่ายกักกันในระบอบสมัยนาซีอย่าง Auschwitz เป็นค่ายกักกันที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ อยู่ระหว่างเมือง Katowice และ Krakow โดยมีภูมิศาสตร์ใกล้กับเมืองเล็กๆอย่าง Oswiecim ซึ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี 1940 ภายใต้การดูแลของพรรคนาซีเยอรมัน ค่ายกักกันนี้ถือว่าเป็นค่ายที่ใหญ่ที่สุดของนาซีซึ่งใช้สำหรับกักกันนักโทษทางการเมือง นอกจากนี้ยังมีการสร้างค่ายกักกันอีกทีหนึ่งที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร ชื่อค่าย Birkenau สำหรับกักกันนักโทษทั่วไป โดยเฉพาะนักโทษชาวยิว ที่ว่ากันว่าได้คร่าชีวิตนักโทษไปมากกว่าล้านคนเลยทีเดียว


จากหน้าทางเข้าคำว่า "Arbeit Macht Frei" แปลเป็นไทยง่ายๆว่า ทำงานเพื่ออิสรภาพ เนื่องจากนักโทษทุกคนต้องทำงานอย่างหนักเช้าถึงเย็น แต่ไม่มีใครได้รับอิสรภาพกันเลยทั้งนั้น


สภาพค่ายกักกันโดยรอบจะมีรั้วไฟฟ้า เพื่อป้องกันนักโทษหลบหนี และมีจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่ตลอดทุกจุด โดยตึกส่วนใหญ่จะเป็นที่คุมขังหรือที่ทำการของเจ้าหน้าที่ ซึ่งในปัจจุบันนักท่องเที่ยวก็ยังรู้สึกได้ถึงความหดหู่ในอดีต 


ณ ริมขอบรั้ว มีป้ายสัญลักษณ์หัวกะโหลกพร้อมข้อความสองภาษา (เยอรมัน-โปลิช) ที่หมายความสั้นๆว่า "หยุด" ใครก็ตามที่คิดที่จะหนีคงต้องคิดใหม่เป็นแน่


หนึ่งในที่คุมขังนักโทษที่ปฎิบัติหน้าที่ทางการตำรวจในบลอคหมายเลข 11 ประกอบไปด้วยเตียงไม้สามชั้นสภาพซอมซ่อ ซึ่งถูกใช้งานจริงมาก่อน ทุกอย่างยังคงสภาพดั้งเดิมเอาไว้ นอกจากนี้บลอคหมายเลขนี้ยังเป็นตึกแรกๆที่มีการรมแก๊สนักโทษอีกด้วย ข้างๆบลอคแห่งนี้ยังประกอบไปด้วยลานประหาร 
(รูปด้านล่าง) กำแพงยิงเป้าที่มีผู้นำดอกไม้มาไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก


ส่วนบลอคหมายเลข 10 ใกล้ๆกันนี้ เป็นสถานที่ที่หมอทำการทดลองทางการแพทย์กับนักโทษหญิงชาวยิว นักโทษบางคนสมัครใจเพราะหลงคำอวดอ้างว่า.. หากรอดชีวิตจากการทดลองไปได้จะได้รับการปล่อยเป็นอิสระ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนอกจากความตายและพิการแล้วก็ไม่มีผู้ใดได้รับการปลดปล่อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างที่สุด 

ขอส่งท้ายไปด้วยภาพนี้แทนคำลา และพบกันใน entry ใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องราวของค่ายกักกันที่ใหญ่กว่าที่แรกหลายเท่าตัวอย่าง Birkenau





Thursday, July 21, 2016

พาเที่ยว Kutna Hora คุทนาโฮรา เมืองโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ



เมือง คุทนาโฮรา (Kutna Hora)

เป็นเมืองที่ประวัติศาสตร์ยาวนานพอๆกับกรุงปราก และเป็นเมืองสำคัญในอดีต เมืองนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกของปราก ห่างไปไม่ไกลเพียงระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถยนต์ 


เนื่องจากสมัยศตวรรตที่ 13 ที่เมืองนี้ได้มีเหมืองเงิน ผลิตเงินตราเหรียญกษาปณ์ ถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของแคว้นโบฮีเมีย เนื่องจากเจริญถึงขีดสุดจึงได้มีการส่งเสริมทางศาสนาโดยการสร้างโบสถ์คริสต์ขึ้นมามากมาย จากนั้นก็เสือมลงจากการน้ำท่วมครั้งใหญ่ในศตวรรตที่ 15 ซ้ำยังเกิดโรคระบาด ไฟไหม้เหมืองเงิน จนยากเกินจะเยียวยา จึงทำให้เสื่อมลงตามเวลา แต่สิ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและยังคงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในปัจจุบัน นั่นคือโบสถ์สำคัญหลายแห่ง ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่ประมาน 21,000 คน ในเมือง Kutna Hora  



สถานที่สำคัญที่สุด และไม่ควรพลาดอย่างยิ่งคือ โบสถ์เซนต์บาร์บาร่า หรือ Church of St. Barbara (Chrám sv. Barbory) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์กร UNESCO ในปี 1995 ใช้เวลาการสร้างทั้งหมดถึง 500 ปี ตั้งแต่ปี 1388 จนถึงปี 1905 ถึงจะเสร็จสมบูรณ์ ตัวโบถส์เป็นสไตล์โกธิคดั้งเดิมที่สมบูรณ์แบบมาก โดยเหล่าช่างฝีมือและสถาปนิคผู้สร้างสรรค์สิ่งก่อสร้างต่างๆในปราสาทปราก ซึ่งหากดูเผินจะมีบางมุมที่คล้ายกับโบสถ์ St. Vitus โบสถ์หลวงในปราสาทปราก





ส่วนสถานที่ที่แปลกที่สุดในเมืองนี้คือ โบสถ์โครงกระดูก หรือ Ossuary อันโด่งดัง ขึ้นชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่แปลกที่สุดในโลกแบบนี้แล้วใครที่มาเยือนต้องไม่พลาดเป็นอันขาดค่ะ เนื่องจากโบสถ์นี้ตกแต่งไปด้วยโครงกระดูกมนุษย์กว่า 70,000 ชิ้น หรือกว่า 40,000 คน ทุกอย่างทำขึ้นจากกระดูกทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโคมไฟระย้า แท่นบูชา ไปจนถึงตราสัญลักษณ์ตระกูล เหตุผลของการนำกระดูกมาตกแต่งคือ ตระกูลผู้ปกครองสัญชาติเยอรมันมอบหมายให้ สถาปนิคชื่อ Frantisek Rint สร้างสรรค์ผลงานจากกระดูกเพื่อเป็นการระลึกถึงการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และสื่อให้เห็นว่าความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้




Photo by: Kitty Tour photograhper
Visit our page at: www.facebook.com/kittytour
Instagram: kittytoureurope

Monday, July 18, 2016

Cesky Krumlov เมืองแห่งเทพนิยายและปราสาทแสนสวย



Cesky Krumlov เมืองแห่งเทพนิยายและปราสาทแสนสวย

ใครก็ตามที่มาเยือนสาธารณรัฐเช็กต่างต้องมาเยือนเมืองนี้ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีคนไปเยือนมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากเมืองหลวงอย่างกรุงปราก ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง


เมืองเล็กๆที่มีแม่น้ำ Vltava ไหลล้อมรอบ บ้านเมืองหลังคาสีส้ม ทาสีผนังพาสเทล แซมด้วยโบสถ์รูปแบบดั้งเดิม ทำให้มุมนี้เป็นมุมยอดฮิตที่ผู้มาเยือนต่างต้องมาสัมผัสด้วยตาของตัวเอง


วิวจากบนหอคอยของปราสาทคลุมลอฟ หากถ่ายจากกล้องเลนส์ wide จะเหมือนกับหมู่บ้านบนเกาะเล็กๆคล้ายคลึงกับในนิทานท้องถิ่นของยุโรปยิ่งนัก


ปราสาทคลุมลอฟที่สร้างขึนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1240 ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย รวมถึงหลายหลายผู้ปกครองแต่ละสมัยก็ต่างสร้างปราสาทต่อไปเรื่อยๆจนมีขนาดใหญ่อย่างที่เราเห็นได้ในปัจจุบัน เมืองเชสกี้ คลุมลอฟ เป็นเมืองที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์กร UNESCO ตั้งแต่ปี 1992



เมืองนี้ยังเป็นบ้านเกิดของศิลปินชื่อดังอย่าง Egon Schiele แนวอิมเพรสชั่นนิสของเขาทำให้ Gustav Klimt ประทับใจจนซื้อและแลกเปลี่ยนผลงานจนสนิทกันในที่สุด ผลงานเน้นรูปวาดคนแฝงความดิบ และหลายครั้งที่ Schiele วาดภาพเหมือนของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนตัวเขาออกมาได้ดีที่สุด หากใครสนใจแนว Impressionist ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งที่จะไปชมพิพิธภัณฑ์ของเขาในเมืองเชสกี้ คลุมลอฟ



เมืองเชสกี้คลุมลอฟอยู่ห่างจากกรุงปราก ระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักจะเดินทางโดยรถส่วนตัว หรือรถบัสประจำทาง สามารถเที่ยวได้ภายในวันเดียวเช่นกันเนื่องจากเมืองนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก หากเดินทางมาเยือนในช่วงฤดูหนาว (เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม) ตัวปราสาทจะปิด แต่ท่านสามารถเดินรอบบริเวณปราสาทรวมถึงขึ้นหอคอยได้





Photo by: Kitty Tour photograhper
Visit our page at: www.facebook.com/kittytour
Instagram: kittytoureurope


Thursday, July 14, 2016

Budapest in Black and White


กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ไข่มุกแห่งดานูป
จุดหมายของใครหลายคนที่มาเยี่ยมเยียนยุโรปตะวันออก
ภาพถ่ายจากกล้องฟิล์มขาว-ดำ สร้างสรรค์เอกลักษณ์ให้กับรูปทุกใบได้อย่างแตกต่าง
เชิญชมผลงานบางส่วนจากช่างภาพของเราได้ค่ะ
รูปถ่ายโดยกล้อง Pentax ME Super


สีสันยามค่ำคืนในกรุงบูดาเปสต์

The most beautiful parliament in the world

View of Budapest

Chain bridge

The night scene from the top of Pest

Central Market in Budapest

Hero Square

Photo by: Kitty Tour photograhper
Visit our page at: www.facebook.com/kittytour
Instagram: kittytoureurope

Wednesday, July 13, 2016

ชุดภาพจากกล้องฟิล์ม ณ กรุงปราก by Leica M2

สัมผัสบรรยากาศสวยๆไปกับกล้องย้อนยุค
ภาพที่บอกเล่าเรื่องรวมและความรู้สึกเพียงแค่การกดหนึ่งชัทเตอร์
เมื่อมองแล้วบางคนอาจรู้สึกอบอุ่น บางคนอาจรู้สึกเหงา บางคนอาจรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก
นั่นแสดงว่าคุณได้หลงสเน่ห์ของภาพเข้าให้แล้ว



Photo by: Kitty Tour photograhper
Visit our page at: www.facebook.com/kittytour
Instagram: kittytoureurope